รปส.2 เยี่ยมชมความคืบหน้าการก่อสร้าง สวท.พังงาพร้อมให้แนวคิดในการประชาสัมพันธ์โดยเฉพาะจังหวัดพังงาที่เน้นด้านการท่องเที่ยว
นางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ลงพื้นที่จังหวัดพังงา ตั้งแต่ 2-4 กุมภาพันธ์2565 เพื่อตรวจเยี่ยมชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามโครงการ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ณ บ้านสามช่องเหนือ ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา และร่วมพิธีเปิดพิพิธภัณฑ์สึนามิบ้านน้ำเค็มจ.พังงา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ "เรียนรู้ รำลึก ผนึกชุมชนก้าวไปด้วยกัน "
โดยก่อนการเปิดงานทั้งสองแห่งได้เยี่ยมชม ความคืบหน้าการก่อสร้าง อาคาร สวท.พังงา หลังใหม่ ซึ่งได้รับงบประมาณ “สิบสามล้านแปดแสนห้าหมื่นบาท” กำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 2 เมษายน 2565 โดยมี นายเสรี นาวงศ์ ผอ.สวท.พังงา พร้อมบุคลากรและนายชนาวุธ บุญเมธี ปชส.พังงา พร้อมบุคลากร ให้การต้อนรับ
รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มจังหวัดอันดามัน เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยว บุคลากรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานประชาสัมพันธ์จึงต้องทำความเข้าใจและสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่รับทราบ อาทิ ชุมชนบ้านสามช่องเหนือ จ.พังงา ที่ได้รางวัล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม ได้ดำเนินโครงการคัดเลือก 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ "เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวรที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวจากชุมชนคุณธรรมฯ ทั่วประเทศ 228 ชุมชน ให้ได้ 10 ชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ พร้อมประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงกว้างเพื่อ ให้เกิดการพัฒนาต่อยอดและขยายผลความสำเร็จไปยังชุมชนอื่นๆ ปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชน สร้างโอกาส สร้างรายได้ ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชน
นอกจากนี้ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ยังให้ข้อมูล ความแตกต่าง ระหว่าง OTOP (One Tambon One Product) ซึ่งเป็นโครงการกระตุ้นธุรกิจประกอบการท้องถิ่น ซึ่งมีที่มาจากแนวคิด One Village, One Product ของเมืองโออิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับ CPOT ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาต่อยอดมาจากวัฒนธรรมไทย มีคุณค่า ความหมาย เรื่องราว ด้านวัฒนธรรม อันเป็นรากเหง้าที่ได้รับการสืบ สาน สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ บ่งบอก อัตลักษณ์ เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ สร้างเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ แบ่งเป็น ๕ กลุ่ม ๑. อาหาร ๒. ผ้า ผลิตภัณฑ์จากผ้า ๓. เครื่องประดับ ๔. ของใช้ ของตกแต่ง ๕. ศิลปะการแสดง ศิลปะการต่อสู้ การละเล่น
ทั้งนี้ มองว่าประเทศไทยในอนาคตสามารถสร้างสินค้าทางการตลาดท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีเอกลักษณ์ สร้างรายได้ และสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับคนท้องถิ่นได้ ด้วยหลัก 5F คือ Food (อาหารท้องถิ่นไทย), Fruit (ผลไม้เมืองร้อนของไทย), Film (ภาพยนตร์และเพลงไทย), Fighting (มวยไทย) และ Festival (เทศกาลงานประเพณีไทย) ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ บุคลากรที่ทำหน้าที่สื่อต้องทำความเข้าใจสร้างการรับรู้ให้ประชาชนและต้องขยายผลให้แพร่หลายเพื่อตอบสนองนโยบายรัฐและสร้างรายได้ให้ประชาชนในพื้นที่